วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

วิกฤตญี่ปุ่นคือโอกาสของไทย

ญี่ปุ่นประสบปัญหาแผ่นดินไหว (EarthQuake)  เกิดคลื่นยักษ์ (Tsunami) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่วไหล (Nuclear Leak)  ปัจจัยเหล่านี้ทำให้อุตสาหกรรมหลายอย่างที่ญี่ปุ่นเกิดการหยุดชะงัก  และอาจเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการผลิตสินค้าและบริการมายังเอเชีย เช่น ไทย   ซึ่งอาจได้รับส้มหล่นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ได้

ผลกระทบที่เห็นได้จากญี่ปุ่น คือ
1. เรื่องอาหาร  ผลิตภัณฑ์สินค้าจากทะเลปนเปื้อนสารพิษ  เช่น  เนื้อปลา  ปลาดิบ  กุ้ง   เป็นต้น  ขาดแคลนอาหารทดแทน เช่น  ข้าว  หมู  ไก่   ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารจากไทย ก็ได้รับอานิสงส์ เช่น CPF  TLUXE  GFPT   เป็นต้น
2. เรื่องที่อยู่อาศัย  มีผลกระทบจากแผ่นดินไหว และมีคลื่นยักษ์เข้าทำลาย โรงงาน  ที่อยู่ตามชายทะเล เป็นต้น   ส่งผลให้  หุ้นอสังหาริมทรัพย์ของไทยได้ผลดี เช่น  หุ้นนิคมอุตสาหกรรม AMATA  NNCL  HEMRAJ  หุ้นบ้านเดี่ยว SPALI   หุ้นคอนโด  LPN  SIRI  ซึ่งอาจมีผลทางด้านจิตวิทยาในการลงทุน
3. อุตสาหกรรมรถยนต์  โรงงานรถยนต์   รถยนต์ถูกน้ำทะเลซัด ต้องซ่อมแซมเยอะ  โรงงานประกอบอุตสาหกรรมเสียหาย  ผลิตชิ้นส่วนไม่ได้ ไม่ทัน เป็นต้น   ส่งผลให้ อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย ได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยกับสิ่งที่หายไป  AH   SAT  TRU 
4. เรื่องพลังงานไฟฟ้า  เชื้อเพลิง  จากการที่โรงไฟฟ้า nuclear  เกิดรั่วไหล  ทำให้ การจ่ายกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ  ส่งผลให้ไทย ได้รับผลดีด้านพลังงาน เช่น  โรงกลั่น TOP  BCP  RPC  ถ่านหิน BANPU  UMS  AGE   ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้แทนพลังงานไฟฟ้า nuclear 
5. เรื่องสิ่งแวดล้อม  จากการที่มีกากของเสีย  มีสารพิษ  ซึ่งต้องบำบัด กำจัด  อุตสาหกรรมที่ใช้ในการกำจัดขยะมลพิษ  เช่น  สารเคมีบางประเภท  บริษัทกำจัดขยะมลพิษ  อาจได้รับผลดีด้วย BWG  GENCO  PRO

ดังนั้น  นักลงทุน ควรจะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เข้าไปด้วย  การลงทุนก็ต้องหาจังหวะ ฉวยโอกาสจากสิ่งที่เกิดขึ้น  นำไปประมวลผลว่า  จะมีผลกระทบอะไรบ้างตามมาหลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ  ได้อุบัติแล้ว  ถ้านักลงทุนมีสิ่งเหล่านี้ ก็จะได้ประโยชน์จากการใช้เงินทุนเพื่อตอบสนองสิ่งรอบตัวได้ และจะได้กำไรเป็นการตอบแทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น