เมื่อนักลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุน คือ ซื้อหุ้น แล้วขาย และมีกำไรเกิดขึ้น ประเด็นที่ต้องพิจารณาก็คือว่า มีโอกาสไหมที่การลงทุนในคราวต่อไป อาจเกิดผลขาดทุน ซึ่งอาจมีมากกว่าที่ได้กำไรไปแล้ว กลับกลายเป็นว่า การลงทุนกลายเป็นขาดทุนในที่สุด
การป้องกันไม่ให้กำไรกลายเป็นขาดทุน มีแง่คิดง่าย ๆ ดังนี้
1.เมื่อซื้อหุ้นตัวไหน แล้วมันราคาสูงขึ้น ทำให้มีกำไรส่วนต่างราคา แต่ยังไม่ได้ขาย กำไรที่แท้จริง จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่านักลงทุนจะขายหุ้นตัวนั้น แล้วหักกลบลบต้นทุน จึงจะนำมาบันทึกหรือรับรู้กำไรที่เกิดขึ้นจริง ๆ หลักการง่าย ๆ มีอยู่ว่า อย่าปล่อยให้กำไร ลดลงมาจนกระทั่งเป็นขาดทุน เช่น ซื้อหุ้น PTT ที่ราคา 330 บาท หากราคาสูงขึ้นเป็น 335 บาท ยังไม่ขาย สูงขึ้นเป็น 340 บาท ก็ยังไม่ขาย เช่นนี้ ไม่เป็นไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ราคาหุ้น PTT ปรับตัวลดลงจนมาถึงราคา 330 บาท ซึ่งถ้าขายจะขาดทุนค่าธรรมเนียม ดังนั้น วิธีแก้ไขง่าย ๆ คือ เมื่อราคาหล่นลงมาเหลือ 333 บาท เป็นราคาเสนอซื้อเมื่อไหร่ ให้ทำการขายที่ 333 บาททันทีโดยไม่มีเงื่อนไข เหตุผลคือ เราไม่รู้ว่าราคาหุ้นจะหล่นต่อ หรือขึ้นไปอีก เพื่อรักษาผลกำไรและป้องกันการขาดทุน จึงต้องขายหุ้นไปตามที่เรากำหนดไว้เมื่อหุ้นลง ตรงกันข้าม ถ้าหุ้น PTT ยังขึ้นไปอีกสูงกว่า 240 บาท เช่นนี้ นักลงทุนยังรอถือหุ้นไว้ได้ เพราะกำไรไม่สามารถทำให้นักลงทุนเสียเงิน แต่ขาดทุนทำให้เงินทุนเสียหายได้
2.เมื่อนักลงทุนมีกำไรจากการลงทุน คิดเป็น 100% จากเงินลงทุน วิธีง่าย ๆ คือ แนะนำให้นำเงินทุนที่ลงทุนครั้งแรก คืนออกมาจากการลงทุน ให้คงเหลือไว้เฉพาะกำไรส่วนเกิน หรือถอนเงินลงทุนพร้อมกำไรบางส่วนออกมาก็ได้ เหตุผลคือ เราไม่รู้หรอกว่า การลงทุนครั้งต่อ ๆ ไป เราจะสามารถทำกำไรได้อีก 100% เช่นครั้งแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียเงินทุนไปในที่สุด จึงควรเตรียมการป้องกันเงินทุนครั้งแรกไว้ ด้วยการนำเงินออกจากระบบการลงทุน ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เราจะไม่สูญเสียเงินทุนเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะเงินทุนเรานำกลับไปแล้วนั่นเอง
3.สร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ หากเงินทุนของเราสร้างกำไรทั้งส่วนต่างราคา หรือได้รับเงินปันผลที่คุ้มค่า เราก็นำเงินส่วนเกินเหล่านั้น ไปลงทุนซ้ำเพื่อให้เกิดกระบวนการเงินสร้างเงินอย่างไม่ขาดเสีย โดยที่เราไม่ต้องนำเงินมาลงทุนเพิ่มอีก แม้ว่า การลงทุนจะมีผลขาดทุนบ้าง กำไรบ้าง สลับกันไป เราก็ไม่มีผลกระทบต่อเงินทุนเพราะมันคือกำไรล้วน ๆ ที่มาลงทุน อย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ เราไม่เหลือเงินทุนในส่วนที่เป็นกำไรเลย นั่นก็แปลว่า เราทำงานเหนื่อยฟรี แต่ไม่เสียเงินลงทุน ซึ่งก็น่าจะพอรับได้ในแง่ของการลงทุนบนพื้นฐานความเสี่ยงตามกลไกตลาดเสรี
หลักคิดลักษณะนี้ นักลงทุนลองนำไปใช้ดูได้ หากได้ผลดี ก็ควรทำอย่างต่อเนื่องต่อไป หากยังเกิดผลเสียหาย ก็ควรจะหาวิธีจำกัดผลเสียเอาไว้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น